18 กันยายน 2551

การปลูกมะปราง



ลักษณะทางพฤกษศาตร์
มะปรางเป็นไม้ผลเมืองร้อน ไม้ยืนต้นที่มีผู้รู้จักแพร่หลาย มีผลคล้ายฟองไข่นกพิราบ เมื่อดิบมีสีเขียวอ่อน เมื่อแก่มีสีเหลือง มีทั้งรสเปรี้ยว รสหวาน และรสเปรี้ยวอมหวาน (ขุนเกษตร สันทัด) ผลแก่ช่วงมีนาคม-เมษายน


ส่วนต่าง ๆ ของมะปรางมีลักษณะดังนี้
ลำต้น มะปรางเป็นไม้ผลที่มีทรงต้นค่อนข้างแหลม มีกิ่งก้านสาขาค่อนข้างทึบต้นโตมีขนาดสูง 15-30 เซนติเมตร มีรากแก้วแข็งแรง
ใบ มะปรางเป็นไม้ผลที่มีใบมาก ใบเรียว ขนาดใบโดยเฉลี่ยกว้าง 3.5 เซนติเมตร ยาว 14 เซนติเมตร ปีหนึ่งมะปรางจะแตกใบอ่อน 1-3 ครั้ง
ดอก มะปรางจะมีดอกเป็นช่อ เกิดบริเวณปลายกิ่งแขนง ช่อดอกยาว 8-15 เซนติเมตร เป็นดอกสมบูรณ์เพศ (เกสรตัวผู้และเกสรตัวเมียอยู่ในดอกเดียวกัน) ดอกบานจะมีสีเหลือง ในไทยออกดอกช่วงเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม
ผล มีลักษณะทรงกลมรูปไข่และกลม ปลายเรียวแหลม มะปรางช่อหนึ่งมีผล 1-15 ผล ผลดิบมีสีเขียวอ่อน-เขียวเข้มตามอายุของผล ผลสุกมีสีเหลืองหรือเหลืองอมส้ม เปลือกผลนิ่ม เนื้อสีเหลืองแดงส้มออกแดงแล้วแต่ชนิดพันธุ์ รสชาติหวาน-อมหวานอมเปรี้ยว หรือเปรี้ยว-เปรี้ยวจัด
เมล็ด มะปรางผลหนึ่งจะมี 1 เมล็ด ส่วนผิวของกะลาเมล็ดมีลักษณะเป็นเส้นใย เนื้อของเมล็ดทั้งสีขาวและสีชมพูอมม่วง รสขมฝาดและขม ลักษณะเมล็ดคล้ายเมล็ดมะม่วง หนึ่งเมล็ดเพาะกล้าได้ 1ต้น (นรินทร์,2537 ; สรัสวดี และปฐพีชล,2531)

11 กันยายน 2551

อะโวคาโด




หมวด: ความงาม, ไอเดีย
ประโยชน์ของอะโวคาโด้ ก็คือถ้ารับประทานเข้าไปจะทำให้ใบหน้าดูอ่อนกว่าวัย เพราะวิตามินบีในอะโวคาโด จะทำให้ร่างกายเกิดความต้านทานในรูปแบบต่างๆ รวมถึงการปกป้องผิวหน้าจากมลพิษได้ด้วยถ้าอยากเห็นผลเร็วๆถ้าการกินนี่อาจจะคิดว่ามันมีผลช้านะ ก็พอกหน้าเอาก็ได้วิธีการก็คือ

1.บดอะโวคาโด้ให้ละเอียด

2.นำไปแช่ตู้เย็นไว้สักพัก

3.นำมาพอกหน้า ทิ้งไว้จนแห้ง

4.ล้างออกให้สะอาดมีผัก ผลไม้ชนิดอื่นอีก ถ้าอยากรู้ก็ ลองไปทำดูนะคะ อยากลองเหมือนกัน คงต้องไปหาซื้อมาลองก่อน แต่ชอบกินมากกว่าไม่ชอบพอกหน้า หั่นเป็นชิ้นๆคลุกน้ำตาลนิดเกลือหน่อย พูดแล้วอยากกิน พรุ่งนี้ต้องไปหาซื้อมากินซะละ :)

น้ำมันมะกอก-อะโวคาโด สูตรผมตรงสวย-มีน้ำหนัก

สำหรับผู้หญิงแล้ว การดูแลตัวเองให้สวยสมบูรณ์แบบอยู่เสมอนั้น เป็นสิ่งจำเป็น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “เส้นผม” ด้วยแล้ว ยิ่งเป็นจุดที่ต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษ เพราะมีส่วนสำคัญที่จะช่วยส่งเสริมบุคลิกภาพให้ดูดี อย่างไรก็ตาม ด้วยความทีในปัจจุบันนี้มลภาวะ แสงแดด การทำสีผมหรือความร้อนจากเครื่องเป่าผม ได้เป็นตัวการที่ทำให้ผมขาดความชุ่มชื้น หยิก แห้งฟู ไร้น้ำหนัก สร้างความกลุ้มอกกลุ้มใจให้กับสาวๆ อยู่ไม่น้อยแต่...การแก้ไขปัญหาในเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องยาก ซึ่งสูตรที่ผู้เชี่ยวชาญด้านเส้นผมให้คำแนะนำก็คือ การใช้แชมพูหรือครีมนวดที่มีส่วนประกอบของ “น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์” และ “อะโวคาโด” อย่างไรก็ตาม การใช้น้ำมันมะกอกนั้น ถ้าจะให้มีประสิทธิภาพในการดูแลบำรุงเส้นผมหรือหนังศีรษะได้ดีที่สุดก็ต้องเป็น “น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์” ซึ่งสกัดมาจากผลของมะกอกโดยไม่มีการเจือจาง ไม่ผ่านกระบวนการเคมีและความร้อน น้ำมันที่ได้จึงมีคุณภาพสูงสุด มีสี กลิ่นและรสชาติเข้มข้น ทั้งยังมีวิตามินตามธรรมชาติอยู่มาก ในน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์นั้น อุดมไปด้วยวิตามินอี วิตามินบี โปรตีนและสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยบำรุงเส้นผมให้นุ่มลื่น เรียงตัวสลวย เป็นเงางามและยังช่วยป้องกันการทำลายเส้นผมจากแสงแดดอีกด้วยส่วน ”อะโวคาโด” นั้นถือได้ว่าเป็นสารบำรุงเส้นผมจากธรรมชาติชั้นยอด เพราะอุดมไปด้วยสารอาหารและวิตามินที่มีประโยชน์มากมาย ไม่ว่าจะเป็นโปรตีน กรดอะมิโน โพแทสเซียม โฟเลท ไฟเบอร์ เลซิติน วิตามินบี 1 บี 2 บี 6 วิตามินซีและวิตามินอี ซึ่งน้ำมันและสารบำรุงต่างๆ เหล่านี้จะช่วยปรับสภาพเส้นผมให้นุ่มลื่นขึ้น มีสุขภาพดีและมีชีวิตชีวาน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์และอะโวคาโด จึงเปรียบเสมือนของขวัญพิเศษสำหรับคนที่มีปัญหาผมเสีย หยิกแห้งฟูขาดน้ำหนัก ดังนั้น สาวคนไทยที่กำลังอมทุกข์อยู่กับปัญหานี้ คงต้องหันไปหาแชมพูและครีมนวดที่มีส่วนผสมของน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์และอะโวคาโดมาใช้ดู อย่างไรก็ตาม นอกเหนือจากการดูแลเส้นผมตามที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว ก็ควรจะต้องรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ควบคู่กันไปด้วย เพราะผมคือส่วนหนึ่งของร่างกายที่แสดงผลของสุขภาพโดยรวมออกมาให้เห็นได้ชัดเจน ดังนั้น หากอยากมีผมสวยดูดี ก็ต้องดูแลสุขภาพโดยรวม ทั้งร่างกายและจิตใจให้ดีด้วย

03 กันยายน 2551

ส้มสายน้ำผึ้ง


ทิศทางเกษตร : เตรียมข้อมูลให้ดีก่อนตัดสินใจปลูกส้มโชกุน-ส้มสายน้ำผึ้ง


เมื่อเข้าสู่ฤดูหนาวของทุกปี ไม้ผลในกลุ่มของส้มเขียวหวาน จะทยอยกันสู่ตลาด ปัจจุบันแหล่งผลิตส้มที่ใหญ่ที่สุด ได้เปลี่ยนจากบริเวณทุ่งหลวงรังสิต ไปอยู่ที่เขตพื้นที่ภาคเหนือ คือ จ.กำแพงเพชร และ อ.ฝาง, อ.ไชยปราการ และ อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ รวมพื้นที่ปลูกเพียง 2 จังหวัดนี้มีพื้นที่ไม่ต่ำกว่า 200,000 ไร่ มีการคาดการณ์กันว่า ในฤดูการผลิตส้มในปีนี้ ปัญหาเรื่องราคาส้มเขียวหวานตกต่ำ เริ่ม เห็นชัดเจนขึ้น นอกจากเหตุผลที่ว่ามีการขยายพื้นที่ปลูกส้มกันมากขึ้นแล้ว จากที่เคยมีราคาสูงถึงกิโลกรัมละ 80-100 บาท จะลดลงมาเหลือเพียง 20-30 บาท


ดังนั้นในขณะนี้ไม่แนะนำให้เกษตรกรขยายพื้นที่ปลูกส้มเขียวหวาน โดยเฉพาะเกษตรกรรายย่อย เนื่องจากเสี่ยงต่อการขาดทุนสูงมาก ถ้าจะปลูกพืชตระกูลส้มแนะนำให้ปลูกส้มโอพันธุ์ทองดีและขาวน้ำผึ้ง แต่ถ้าคิดจะปลูกส้มโชกุน-ส้มสายน้ำผึ้ง จะต้องเตรียมข้อมูลให้ดีเสียก่อน เนื่องจากมีการบำรุงรักษาที่ยุ่งยากกว่า


ส้มโชกุนและส้มสายน้ำผึ้งเป็นส้มสายพันธุ์เดียวกัน แตกต่างกันตามพื้นที่ปลูกเท่านั้น แต่คนไทยส่วนใหญ่มักจะเข้าใจว่าเป็นส้มคนละสายพันธุ์กัน ส้มสายน้ำผึ้งจะต้องมีผิวสีเหลืองทองเมื่อผลแก่ และจะต้องปลูกในเขต อ.ฝาง และใกล้เคียงของ จ.เชียงใหม่ เท่านั้น สำหรับส้มโชกุนจะต้องปลูกในพื้นที่ภาคใต้เท่านั้นและเมื่อผลส้มแก่ผิวจะมีสีเขียว แม่ค้าที่ซื้อส้มมาขายจะแยกขายระหว่างส้มทั้งสองชนิด เพื่อให้ผู้บริโภคได้เลือกซื้อตามความพอใจ


ในแหล่งพื้นที่ที่มีแหล่งน้ำอุดมสมบูรณ์ผลผลิตส้มโชกุนจะมีรสชาติหวานอมเปรี้ยวเล็กน้อยและอร่อยมาก จึงไม่น่าสงสัยเลยว่า ณ วันนี้ในช่วงเทศกาล สารทจีนที่ผ่านมาส้มโชกุนจากภาคใต้จากหลายสวนยังมีราคาสูงถึงกิโลกรัมละ 60-80 บาท


เกษตรกรที่จะปลูกให้ประสบความสำเร็จ จะต้องมีการจัดการสวนและดูแลรักษาที่ดีอย่างต่อเนื่อง เริ่มจากการเตรียมพื้นที่ปลูกที่จะต้องเน้นในเรื่องแหล่งน้ำที่อุดมสมบูรณ์และสภาพแปลงปลูกจะต้องมีการระบายน้ำที่ดี ถึงแม้จะมีการปลูกในสภาพที่ดอนก็ตามจะต้องยกร่องปลูกแบบลูกฟูก ปัญหาสำหรับผู้ปลูกส้มโชกุนที่จะต้องพบอย่างแน่นอนก็คือ ปัญหาเรื่องผลแตกในขณะที่ผลส้มมีอายุระหว่าง 4-5 เดือน หรือแม้แต่ปัญหาเรื่องโรคดาวกระจายที่เป็นปัญหาใหม่และยังหาข้อสรุปไม่ได้ว่าเกิดจากการทำลายของแมลงหรือเกิดจากน้ำฝนที่ตกในช่วงเวลาบ่ายทำให้เกิดอาการ “Water burn”


ถ้าเกษตรกรปลูกส้มโชกุน สามารถจัดการในเรื่องปัญหาเหล่านี้ได้และผลิตส้มที่มีคุณภาพดีแล้วไม่ต้องห่วงในเรื่องของการตลาดมากนัก เนื่องจากเป็นที่ยอมรับกันทั่วโลกว่าส้มโชกุน-ส้มสายน้ำผึ้งของไทยเป็นส้มเปลือก ร่อนที่มีรสชาติอร่อยที่สุดในโลก หนังสือ “ส้มสายน้ำผึ้ง-ส้มโชกุน” พิมพ์ 4 สี จำนวน 100 หน้า แจกฟรี, ผู้สนใจเขียนจดหมายสอดแสตมป์ 80 บาท ส่งมาขอได้ที่ชมรมเผยแพร่ความรู้ทางการเกษตร เลขที่ 2/200 ถนนศรีมาลา ต.ในเมือง อ.เมือง จ.พิจิตร 66000 โทร. 0-5661-3021.