ชื่อวิทยาศาสตร์ Psidium guajava Linn.
วงศ์ Myrtaceaeชื่อท้องถิ่น มะมั่น มะก้วยกา (ภาคเหนือ) บักสีดา(ภาคอีสาน) ย่าหมู ยามู (ภาคใต้) มะปุ่น (ตาก สุโขทัย) มะแกว (แพร่)
ลักษณะของพืช »
ฝรั่งเป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็ก กิ่งอ่อนจะเป็นสี่เหลี่ยม ยอดอ่อนมีขนสั้นๆ ใบเดี่ยวออกตรงกันข้าม สีเขียว รูปใบรี ปลายใบมน หรือมีกิ่งแหลม โคนใบมน ออกดอกเป็นช่อ ช่อละ 2-3 ดอก ดอกย่อยมีสีขาว มีเกสรตัวผู้มากเป็นฝอย ผลดิบมีสีเขียวใบไม้ เมื่อสุกจะเป็นสีเขียวอ่อนปนเหลือง เนื้อในเป็นสีขาวมีกลิ่นเฉพาะมีเมล็ดมาก
การปลูก »
นิยมขยายพันธุ์โดยการตอนกิ่ง ฝรั่งชอบดินร่วนปนทรายอุดมด้วยธาตุอาหารไม่ชอบมีน้ำขังแฉะ ไม่ชอบอากาศเย็นจัด ควรปลูกในฤดูฝนวิธีปลูกโดยการขุดหลุม ใส่ปุ๋ยรองก้นหลุมเอาไว้ เอากิ่งตอนลงปลูกรดน้ำ ดูแลวัชพืช ให้ดีด้วย
ส่วนที่ใช้เป็นยา »
ใบแก่สดหรือผลอ่อน
ช่วงเวลาที่เก็บเป็นยา »
เก็บใบในช่วงที่แก่เต็มที่หรือผลที่ยังอ่อน
ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ »
ใบฝรั่งมีน้ำมันหอมระเหย Eugenol, Tannin รวม 8-10 % และอื่นๆ ส่วนผลดิบอยู่ก็มี "แทนนิน" วิตามิน ซี แคลเซียม ออกซาเลท และอื่นๆ สารแทนนินที่มีอยู่ทำให้ใบและผลดิบของฝรั่งมีฤทธิ์ฝาดสมานใช้รักษาอาการท้องเสียและสารสกัดด้วยน้ำจากใบ ออกฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดหนอนอีกด้วย
วิธีใช้ »
ผลอ่อนและใบแก่ของฝรั่งแก้ท้องเสียได้เป็นอย่างดี แก้อาการท้องเดิน ซึ่งเป็นยาแก้ท้องเดินแบบไม่รุนแรง ที่ไม่ใช่เกิดจากเชื่อบิดหรืออหิวาตกโรคโดยใช้ใบแก่ 10-15 ใบ ปิ้งไผแล้วชงน้ำร้อนดื่ม หรือให้ใช้ผลอ่อนๆ 1 ผล ฝนกับน้ำปนใสดื่มเมื่อมีอาการท้องเสีย
คุณค่าทางอาหาร »
ผลฝรั่งที่สุกหรือแก่จัดเป็นผลไม้ที่มีประโยชน์มากฝรั่งมีหลายพันธุ์ที่เดียวแต่ละพันธุ์ก็มีลักษณะแตกต่างกันออกไป เนื้อของฝรั่งมี วิตามิน ซี สูงช่วยบรรเทาและแก้โรคเลือดออกตามไรฟัน หรือโรคลักปิดลักเปิดได้ดี นอกจากนี้ยังมีวิตามิน เอ มีเหล็ก แคลเซียมและเกลือแร่อื่นๆอีก ฝรั่งมีฤทธิ์ดับกลิ่นปากได้ดีเยี่ยมตามที่เราท่านทราบกันดีอยู่แล้วเช่น เคี้ยวใบฝรั่งสักใบเดียวในปากก็ดับกลิ่นปากได้อย่างวิเศษมากว่ากันว่าเอาลูกฝรั่งสุกๆวางๆว้ในโลงศพยังสามารถดับกลิ่นเหม็นเน่าของศพได้ดีมาก นี่แหละความดีของฝรั่ง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น